ฝนตกหนัก! น้ำท่วมรถ! สวดมนต์อาจไม่หาย แต่คุณจัดการได้ ด้วยขั้นตอนดังต่อไปนี้
.
ในกรณีที่น้ำท่วมแค่ 15-30 ซม. หรือประมาณครึ่งล้อและไม่เข้าห้องโดยสาร ให้จัดการตามนี้
.
1) ล้างรอบตัวรถ ล้างคราบน้ำที่เกาะตัวถังภายนอกด้วยน้ำผสมแชมพู เปิดประตูเพื่อทำความสะอาดขอบบันได อย่าลืมใช้น้ำฉีดเข้าไปตามใต้ท้องรถ ล้อและซุ้มล้อ เพื่อกำจัดเศษทรายหรือสิ่งสกปรกต่างๆ ด้วย
.
2) เช็กน้ำมันเกียร์และน้ำมันเฟืองท้าย เกียร์และเฟืองท้ายส่วนมากจะอยู่ต่ำ น้ำอาจจะซึมเข้าไปได้ ให้ตรวจสอบโดยดึงก้านวัดของเกียร์ขึ้นมาตรวจสอบดูว่าน้ำมันเกียร์มีสีที่ผิดปกติไปจากเดิมหรือเปล่า
.
3) ลูกปืนล้อ ถ้ารถแช่อยู่ในน้ำนานๆ จาระบีในลูกปืนล้อจะหลุดออกมาได้ ต้องหมั่นสังเกตเวลานำรถออกวิ่งด้วยความเร็วประมาณ 60-80 กิโลเมตรขึ้นไป ถ้ามีเสียงดังก้องในห้องโดยสารอยู่ตลอด ควรพบช่างทันที
.
4) ระบบเบรก พอรถจอดจมน้ำ จานเบรกอาจเป็นสนิมและผ้าเบรกก็อาจชื้นได้ ให้ขับรถไปช้าๆ สัก 100-200 เมตร แล้วแตะเบรกเบาๆ ค้างไว้ เพื่อไล่ความชื้นและช่วยให้ผ้าเบรกเสียดสีกับจานเบรกจนเกิดความร้อนพร้อมกับขัดสนิมไปในตัว
.
.
กรณีที่น้ำท่วมเกิน 30 ซม. หรือเกินครึ่งล้อและมีน้ำเข้าห้องโดยสาร
.
1) เปิดฝากระโปรง อย่าติดเครื่องยนต์ทันที ถ้าระดับน้ำขังสูงอาจมีน้ำเข้าไปในห้องเครื่องหรือแผงวงจรไฟฟ้าได้ ให้เปิดฝากระโปรงหน้ารถขึ้นมา ขันขั้วแบตเตอรี่ทั้งบวกและลบออกเพื่อพักการใช้กระแสไฟชั่วคราว
.
2) ถอดเบาะนั่ง ตากพรม กรณีที่น้ำท่วมมายังห้องโดยสารให้ถอดเบาะนั่งและพรมออกมาซัก รวมถึงเปิดประตูรถโดยรอบ จอดตากแดดเพื่อไล่ความชื้น
.
3) เช็กอุปกรณ์ในระบบไฟฟ้า ใช้เครื่องเป่าไล่ความชื้นออกไปให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นกล่องฟิวส์ กล่อง ECU และตามอุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งเช็กน้ำมันต่างๆ เพราะเมื่อระดับน้ำสูง น้ำอาจจะซึมเข้าระบบของเหลว ควรตรวจสอบน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำมันเพาเวอร์ว่าสีเปลี่ยนไปหรือไม่
.
4) เช็กระบบไฟส่องสว่าง ถ้าตามโคมไฟส่องสว่างมีน้ำเข้า ให้แกะออกมาเป่าให้แห้งทันที จากนั้นใส่โคมกลับเข้าไป เปิดไฟดูว่าใช้งานได้ตามปกติหรือไม่
.
5) ล้างรังผึ้งตรงหม้อน้ำ ล้างสิ่งสกปรกและคราบโคลนออกให้หมด
—–
ขอบคุณข้อมูลจาก
.