ถึงปีอาจเปลี่ยนไป แต่ปัญหาที่กวนใจเราทุกคนยังคงตามมาจากปีที่แล้ว โรคโควิด-19 ที่เราไม่อยากจะเจออีกสักเท่าไหร่ได้กลับเข้ามาในชีวิตของเราใหม่อย่างอลังการ ลองไปดูกันว่าโรคนี้มีอะไรอัปเดตบ้าง วิธีการต่างๆ ที่เคยรับมือยังได้ผลอยู่หรือไม่ รวมถึงคำถามที่หลายคนกังวลใจคือ วัคซีนน่าจะมีมาเมื่อไหร่ แล้วเชื้อมันจะกลายพันธุ์ไหมนะ
คงไม่ต้องเท้าความอะไรกันมากว่าเชื้อนี้มาจากไหน แต่สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจกันเพิ่มเติม คือ ไวรัสสายพันธุ์ S (Serine) และสายพันธุ์ L (Leucine) ได้ออกลูกหลานเป็นสายพันธุ์ G (Glycine) มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของกรดอะมิโน ซึ่งส่งผลกับส่วนหนามของไวรัสทำให้แพร่กระจายได้ง่ายเข้าไปอีก จากงานวิจัยล่าสุดมนุษย์สามารถติดเชื้อ COVID-19 ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม 6 ถึง 10 เท่าเลยทีเดียว
ทั้งนี้ สายพันธุ์ใหม่ไม่ได้ทำให้ป่วยรุนแรงขึ้นและอาการของโรคก็ยังคล้ายๆ เดิม แต่เราต้องเพิ่มความระมัดระวังเพราะเชื้อติดต่อได้ง่ายส่วนวัคซีนที่กำลังวิจัยกันอยู่นั้น ถูกพัฒนาขึ้นมาจากสารพันธุกรรมของโคโรนาไวรัสซึ่งมีเหมือนกันทุกสายพันธุ์ ดังนั้นการกลายพันธุ์จึงไม่เป็นปัญหา
ยิ่งเชื้อติดต่อได้ง่ายขึ้นแบบนี้ อะไรที่เคยป้องกันมาตลอดยิ่งต้องเคร่งครัดยิ่งกว่าเดิม ใส่หน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐานและต้องใส่ให้ถูกวิธี ลดการเอามือไปสัมผัสที่สาธารณะ เช่น ราวบันได มือจับต่างๆ และลูกบิดประตู หมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่ และที่สำคัญเว้นระยะห่างเพื่อเลี่ยงการติดเชื้อให้ได้มากที่สุด
ทางที่ดีก็ควรจะงดการออกจากบ้านและการพบปะผู้คนให้น้อยที่สุด เพราะอัตราการระบาดที่เพิ่มขึ้นไวขนาดนี้ไม่มีใครไว้ใจใครได้ ที่สำคัญผู้ติดเชื้อถึง 80% ไม่แสดงอาการเลย ดังนั้นเราไม่มีทางจะรู้ได้เลยว่าคนรอบข้างหรือแม้กระทั่งตัวเองกำลังติดเชื้ออยู่หรือไม่
ซึ่งกลุ่มที่มีอาการก็จะมีอาการไข้นำมาก่อน ตามด้วย ไอแห้งๆ ไม่ได้กลิ่น ไม่ได้รสและอ่อนเพลีย ซึ่งหากเราเริ่มมีอาการคลับคล้ายคลับคลาควรกักตัวอยู่บ้าน ตั้งข้อสังเกตและเข้ารับการตรวจรักษาแบบด่วนๆ อย่าปล่อยให้รุนแรง เพราะมีกรณีตัวอย่างมาแล้วที่ผู้ป่วยชายรายหนึ่งซึ่งอายุไม่มาก รู้สึกไม่ค่อยสบายแต่ยังคงออกไปตระเวนกินดื่มตามปกติจนกระทั่งอาการเริ่มหนัก เข้าโรงพยาบาลไปไม่กี่วันก็เสียชีวิต พนักงานในแต่ละร้านและลูกค้าที่ใช้บริการวันเดียวกับเจ้าตัวก็ป่วยตามไปเป็นแถบๆ
ขณะนี้นานาประเทศก็เดินหน้าผลิตและแจกจ่ายวัคซีน โดยประเทศที่นำไปก่อนส่วนมากจะมีปริมาณผู้ติดเชื้อสูงมากๆ เช่น รัสเซีย ประเทศแรกของโลกที่ทยอยฉีดให้บรรดาบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าวันที่ 5 ธ.ค. 2563 ทั้งนี้ทีมงานตั้งชื่อวัคซีนว่า “สปุตนิก-วี” (Sputnik-V) เพื่อให้คล้องกับชื่อดาวเทียมดวงแรกของโลกที่ผลิตโดยรัสเซียนั่นเอง ซึ่งขณะนี้มีชาวรัสเซียได้รับวัคซีนไปแล้วกว่า 1 แสนคน
ส่วนอิสราเอลที่ไม่เริ่มฉีดประเทศแรกแต่เป็นประเทศที่แจกจ่ายวัคซีนให้ประชาชนได้ไวและมากที่สุดในโลก สามารถดำเนินการให้กลุ่มเสี่ยงเข้ารับวัคซีนได้ถึงวันละ 150,000 คนต่อเนื่องกัน จนตอนนี้มีผู้ได้รับวัคซีนมากถึง 1 ล้านคนแล้ว
ฟากสหราชอาณาจักรเองก็เดินหน้าฉีดวัคซีนให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงสูงคือผู้สูงอายุและบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า จนถึงขณะนี้มีประชาชนได้รับวัคซีนไปแล้วประมาณ 8 แสนคน ในขณะที่ประเทศไทยกำลังรอการส่งมอบวัคซีนจากบริษัท “แอสตร้าเซนเนก้า” ลอตแรกจำนวน 26 ล้านโดส ซึ่งคาดว่าจะมาถึงเร็วที่สุดภายในกลางปี 2564
ในเมื่อวัคซีนยังมาไม่ถึงในเวลานี้ แต่อาวุธที่เรามีคือ หน้ากาก เจลล้างมือ และสติ ดังนั้นการ์ดห้ามตก แต่ไม่ต้องกังวลจนเกินไป เพราะแท้จริงแล้วจากผู้ที่ติดเชื้อ 100 คนจะมีคนที่อาการรุนแรงเพียง 5 คน และเสียชีวิตไม่ถึง 2 คน ดังนั้นระวังไม่ให้ตัวเองไปติดเชื้อหรือแพร่เชื้อก็พอ
สิ่งที่ควรกังวลที่สุด คือหากสถานการณ์โดยรวมยังคงเป็นแบบนี้ รายรับจะเป็นยังไง สภาพเศรษฐกิจจะถูกแช่แข็งไปอีกนานแค่ไหน
เมื่อยังต้องออกจากบ้านมาหารายได้ ท่าไม้ตายที่ดีที่สุดคือ หน้ากากอนามัยที่เอาไว้ใช้ป้องกันโรค เช่น หน้ากาก BANLUE COTTON SILK MASK จากขายหัวเราะ ทั้งกันน้ำ ทั้งป้องกันละอองสารคัดหลั่ง ผ่านการรับรอง จาก Oekotek Standard 100-2019 ประเทศ Switzerland ที่สำคัญใส่แล้วอารมณ์ดี การันตีโดย บ.ก.วิติ๊ด!
นอกจากสุขภาพดี อารมณ์ดี ราคายังดี๊ดี แค่ 80 บาท ใครสนใจสั่งซื้อได้ที่ bit.ly/banluemask2 เลยจ้า
